ว่าถึงวิชา "นะหน้าทอง"

Last updated: 9 ส.ค. 2565  |  759 จำนวนผู้เข้าชม  | 

ว่าถึงวิชา "นะหน้าทอง"

นะหน้าทอง อานุภาพที่มากกว่าที่คิดกัน

"ฉันจึงเป่าคาถาเพื่อให้เธอหลงไหล

ให้ทองที่แปะหน้าฉันทำให้เธอคลั่งไคล้"


ท่องหนึ่งในเนื้อเพลงที่กำลังโด่งดังตอนนี้ "นะหน้าทอง"
หลายๆคนคงจะเคยได้ยินและฟังผ่านหูกันบ้าง                            หลายคนคงชื่นชอบ ผมเองก็เป็นคนนึงที่ชื่นชอบเพลงนี้

ไหนๆเนื้อหาของพลงนี้ก็เกี่ยวข้องกับวิชาทางไสยศาสตร์เวทย์มนต์

ที่ต่อให้คนที่ไม่ใช่คนเล่นของก็ต้องเคยได้ยินกัน

นั่นคือวิชา"นะหน้าทอง"

  วันนี้จะเอาเรื่องราวของวิชานี้มาสาธยายให้ได้รู้กันแบบละเอียด

อานุภาพอันเอกอุ เกินคณานับที่ซ่อนอยู่ที่คนส่วนใหญ่มักจะมองข้าม

และมองวิชานี้อย่างผิวเผิน ไปว่าวิชานี้ เป็นแค่"วิชาตลาด"วิชานึง


ซึ่งเป็นการปรามาสของคนที่ไม่รู้ไม่ได้ศึกษาวิชานี้อย่างถึงแก่น

และส่วนใหญ่ของคนที่ปรามาสและมองข้ามวิชานี้

มักจะเป็นคนที่เข้าไม่ถึงในการร่ำเรียนวิชาไสยศาสตร์

"นะหน้าทอง" ชื่อดั้งเดิมของวิชานี้ จะมีชื่อว่า "นะฉัพพรรณรังสี"

ซึ่งฉัพพรรณรังสีนี้ เป็นรัศมีที่เปล่งออกจากกาย

แห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า 

เป็น รัศมี ๖ ประการ ที่เปล่งออกมานอกจากองค์พระศาสดาแล้ว

ยังเปล่งออกมาจากเทวดาบางจำพวกในชั้นสูงๆ

รัศมีทั้ง ๖ ประการก็ได้แก่

นีลเขียวเหมือนดอกอัญชัน.

ปีตเหลืองเหมือนหรดาลทอง หรือดอกกรรณิการ์.

โลหิตแดงเหมือนตะวันอ่อน หรือตะวันแรกขึ้น.

โอทาตขาวเหมือนแผ่นเงิน หรือสีดาวประกายพฤกษ์.

มัญเชฐ สีหงสบาทเหมือนดอกเซ่ง ดอกชบา หรือดอกหงอนไก่.

ประภัสสร เลื่อมพรายเหมือนแก้วผลึก หรือแก้วไพฑูรย์.


ในวัดหลายๆแห่งก็จะมีการประดับด้วยธง ๖ สี

อันหมายถึงเป็นการแทนรัศมีแห่งฉัพพรรณรังสีนั่นเอง

รัศมีทั้ง ๖ รวมๆกันแล้วก็จะเปล่งออกมารวมเป็นสีทอง

"นะหน้าทอง" จึงเป็นชื่อย่อของ "นะฉัพพรรณรังสี"

หรือเรียกได้อีกอย่างว่า "รัศมีแห่งพระเจ้า"

ผู้ที่รับการลงวิชานี้ หรือใช้วิชานี้ลงที่ใบหน้า ตามคุณวิชานั้นว่า จะทำให้

เกิดเป็นมหานิยม ประทับใจผู้คนที่ได้พบเห็น เกิดความประทับใจ และโดด

เด่นกว่าคนทั้งหลาย ดั่งมีรัศมีแห่งพระเจ้าเปล่งออกจากใบหน้านั่นเอง

คนโบราณนั้น ท่านเปรียบและยกพระพุทธเจ้า เป็นมหาบุรุษ

เป็นเอกแห่งบุรุษมนุษย์โลกทั้งหลาย ในวิชาไสยศาตร์ทางมหานิยม

จึงมักจะยกเอาพระพุทธเจ้าท่านเป็นหนึ่งในเนื้อมนต์

ยกตัวอย่างมนต์ที่ใช้เสกบทนึงมีว่า "เดชะ ๆ ๆ เมื่อครั้งพระพุทธองค์เสวย

ชาติ เป็นเจ้าพญาหงส์ทอง สีสีสรรวรรณะงดงามเช่นไร ขอให้ข้าพเจ้ามีสี

สรรวรรณะงดงามเช่นนั้น" นะหน้าทองนั้นมีตัวเสกหลายบท

อันนี้เป็นเพียงในสายหนึ่งเท่านั้น

วิชาการลงนะหน้าทอง ส่วนใหญ่ก็มักจะใช้วิธีแปะแผ่นทองบริเวณหน้าผาก

แล้วบริกรรมคาถา ส่วนแต่ละสายแต่ละแห่งก็แตกต่างกันออกไป บางแห่ง

ก็ใช้การขยี้ทองไปทั่วหน้าผาก บางแห่งก็ไม่ขยี้ ส่วนบางแห่งก็เป็นการเป่า

ทองทะลุหน้าผาก ซึ่งแบบหลังนี้ ผู้ที่จะทำได้ต้องสำเร็จวิชาขั้นสูง หรือ

สำเร็จวิชานะปัดตลอดจึงจะสามารถกระทำได้ ซึ่งคนทำได้ในปัจจุบันก็ยังมี

แต่น้อยมากๆ

วิชานะหน้าทองนี้ ใช่ว่าลงเพียงครั้งเดียวแล้วจะเกิดผลดังกล่าว

ลงแล้วก็แน่นอน จะเกิดผลในชั่วระยะเวลาหนึ่ง จะต้องลงติดต่อกันหลาย

ครั้ง กว่าจะเกิดรัศมีแห่งพระเจ้าตามอานุภาพแบบสมบูรณ์

โบราณจารย์ท่านว่าหากผู้ใดได้ลงวิชานะหน้าทองนี้ครบ ๙ ครั้ง จึงจะถือว่า

มนต์นี้เข้าตัวอย่างสมบูรณ์ แล้วผู้นั้นจึงจะมีรัศมีแห่งพระเจ้า โดดเด่นเป็น

สง่ากว่าผู้คนทั้งหลาย

ดังนั้นวิชานะหน้าทองนี้ ไม่ใช่เป็นเพียงวิชาพื้นๆ ตลาดๆธรรมดา เพียง

เพราะว่าลงได้ง่าย หลายๆสำนักก็มีให้ทำการลงวิชานี้ ค่าครูก็ไม่ได้แพงนัก

ทำให้คนส่วนใหญ่มองข้ามกันไป

และสำหรับคนเรียนไสยเวทย์อาคมแล้ว นี่คือวิชาแรกที่ควรจะเรียนให้

สำเร็จ เพราะโบราณจารย์ท่านถือเอาว่าวิชานี้เป็นวิชาอันเอกอุทางมหานิยม

เรียนเพียงวิชาเดียว ก็เพียงพอให้ใช้ในชีวิตประจำวัน

และยิ่งถ้าใครที่เรียนไสยเวทย์อาคม แล้ววิชานี้ยังเรียนไม่สำเร็จ ใช้ไม่เกิด

ผลใดๆ ก็ไม่ต้องข้ามไปหาเรียนมนต์วิชาบทอื่นๆ ใครอยากรู้ว่าเรียนมนต์ติด

เรียนมนต์สำเร็จหรือไม่ ใช้วิชานี้ให้เกิดผลกับตัวเมื่อไหร่ เมื่อนั้นก็คือคุณได้

สำเร็จขั้นแรกของวิชาไสยศาสตร์แล้ว

รู้ดังนี้แล้ว ยังจะมองข้ามวิชา"นะหน้าทอง" หรือนะฉัพพรรณรังสี

มนต์วิชารัศมีแห่งพระเจ้านี้กันอีกอยู่หรือไม่ ก็สุดแท้แต่วาสนาครับ


Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้