ฉัน(คาถา)ก็มีหัวใจเหมือนคนอื่นๆเขา...

Last updated: 8 ธ.ค. 2564  |  974 จำนวนผู้เข้าชม  | 

ฉัน(คาถา)ก็มีหัวใจเหมือนคนอื่นๆเขา...

ว่าถึงเรื่อง "หัวใจคาถา"

อวัยวะที่ชื่อว่า "หัวใจ" มีหน้าที่สูบฉีดโลหิต ไปหล่อเลี้ยง ไหลเวียนไปส่วนต่างๆของร่างกาย

เพื่อให้ร่างกายสามารถทำงานได้

หัวใจเป็นสิ่งสำคัญที่หากไม่มีหัวใจ ร่างกายก็ตายลงไป เรื่องนี้เรารู้กันดีอยู่แล้ว


แต่หลายคนยังไม่รู้ว่า คาถา หรือ มนต์ ต่างๆ ก็มีหัวใจเช่นเดียวกัน

การจะให้มนต์ คาถาต่างๆ ออกฤทธิ์ เกิดผล เราจึงต้องเข้าถึงหัวใจคาถา

เพราะหากเข้าไม่ถึงหัวใจคาถา

มนต์หรือคาถานั้น ก็เปรียบดังร่างกายที่ไม่มีหัวใจ ที่จะสูบฉีดโลหิต

ไปหล่อเลี้ยงให้ร่างกายทำงานได้


มนต์ก็เช่นเดียวกัน หากเราเข้าไม่ถึง หรือเข้าใจถึงหัวใจของมนต์

ก็ไม่ต่างจากท่องบ่นเป็นนกแก้ว นกขุนทอง ไม่เกิดผลใดๆ


เมื่อใช้มนต์ ไม่เกิดผล ไม่สำเร็จ สุดท้ายก็เกิดความท้อ ถอดใจ

และหมดความเชื่อมั่นในการใช้มนต์และคาถาไปในที่สุด


หัวใจคาถามีหลายอย่าง บางครั้งอาจจะเป็นคำๆเดียวสั้นๆ บางครั้งอาจจะเป็นประโยค

แต่ที่เหมือนกันนั้นคือ หัวใจคาถาซ่อนอยู่ในมนต์แต่ละบทอย่างแยบคาย และมองไม่เห็นจากภายนอก

ไม่ต่างจากหัวใจคนเราที่อยู่ในร่างกาย


บางมนต์อาจจะมีคำเดียว บางมนต์อาจจะมีหลายคำ

บางมนต์อาจจะเป็นประโยคๆนึง แตกต่างกันออกไป

ตามแต่ครูบาอาจารย์ ผู้รจนาคาถา ท่านจะทำการสาปหรือซ่อน

หัวใจของมนต์บทนั้นๆไว้ในเนื้อมนต์ที่ใด


หัวใจคาถาที่เข้าใจกัน มักจะเป็นตัวย่อ เช่น

"อิธะคะมะ เป็นหัวใจคาถาอิทธิเจ"

"นะมะพะทะ เป็นหัวใจธาตุสี่"

"อิสวาสุ เป็นหัวใจ พระรัตนตรัย"

ซึ่งก็ถูกครับ  เพียงแต่มันเป็นแค่บางส่วน ไม่ใช่ทั้งหมด

และประการสำคัญที่คนมองข้ามกันไป คิดกันไปว่า จำแค่หัวใจคาถา

ก็สามารถใช้คาถานั้นได้เฉกเช่นเดียวกับมนต์บทเต็ม


ซึ่งผิดอย่างสิ้นเชิง ผู้ที่จะใช้หัวใจคาถาได้ ต้องแตกฉานในตัวคาถาบทเต็มเสียก่อน

เพราะไม่งั้นก็ไม่ต่างจากมีแค่หัวใจ แต่ไร้ร่างกาย มนต์ก็ใช้การไม่ได้

คนเรียนคาถาอาคมสมัยโบราณ เมื่อแรกเรียนครูบาอาจารย์ท่านจึงจะให้เรียน "มูลกัจจายน์"

กันเป็นเบื้องต้น เพื่อให้เข้าถึง และเข้าใจกัน สามารถเข้าถึงและเข้าใจหัวใจของมนต์ได้อย่างไม่ยากเย็นนัก

คนสมัยโบราณที่ใช้คาถาอาคม ใช้มนต์ต่างๆได้ จึงมักจะผ่านการบวชเรียนกันมาก่อน ก็ด้วยประการฉะนี้


การจะใช้มนต์ ใช้คาถาอาคมได้เกิดผล หรือที่เรียกว่าใช้มนต์ติด หรือสำเร็จมนต์

จึงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เพียงแค่การท่องจำเพียงอย่างเดียว


มีรายละเอียดมากมายให้ต้องเข้าใจและศึกษา กว่าจะใช้กันได้จริง

ซึ่งเป็นสิ่งที่คนสมัยนี้มองข้ามกันไป ซึ่งมันก็มีทั้งส่วนดีและส่วนเสีย


ส่วนที่เสียคือ ทำให้คนนั้นปรามาส และไม่เชื่อถือในมนต์

เพราะด้วยมนต์ที่ใช้ ที่ท่องไม่เกิดผลอย่างที่คิด เกิดความท้อใจ

สุดท้ายก็เลิกเชื่อถือในมนต์ ในวิชา คิดไปว่าคงไม่มีจริง เป็นแค่เรื่องงมงาย


ส่วนดีคือ เมื่อมนต์ไม่เกิดผลใดๆ พิษมนต์ก็ไม่เกิดแก่ตัวผู้เอาไปท่องอย่างไม่รู้

ทำให้แม้ไม่เกิดผล แต่ก็ไม่มีผลเสีย


พิษมนต์นั้น เป็นสิ่งร้ายแรงเกินกว่าที่คิดกันนักครับ

เมื่อมนต์สามารถส่งเสริมชีวิตคนให้เจริญรุ่งเรืองได้

ในทางกลับกัน มนต์ก็สามารถทำให้ชีวิตคนล่มจมได้เช่นกัน

มนต์บางบท แม้จะบทสั้นๆ แต่มีอาถรรพ์และความรุนแรง

ถึงกับต้องมีการกำกับมนต์ และก่อนจะใช้ต้องกันตัว ต้องสมาทานบังตน ฯลฯ

ซึ่งปัจจุบันนี้ละเลยกันไปมากแล้ว


คำว่าหัวใจมนต์นี้ ทำให้คนเรียนมนต์จึงได้ถือเคร่งครัด ในคำสั่งของครูบาอาจารย์

ที่ว่าห้ามข้าม ห้ามตัดทอน แก้ หรือกร่อนเนื้อมนต์โดยตามชอบใจ

เพราะบางครั้งก็อาจจะไปตัดทอนเอาหัวใจของมนต์โดยไม่รู้ตัวนั่นเอง


ยุคสมัยนี้ไสยศาสตร์นั้นหาเรียนได้ง่าย

แต่เข้าถึงและใช้ได้จริงมันยากครับ

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้