คาถาปลุกก่อนพกพาวัตถุ จำเป็นแค่ไหน?

Last updated: 3 ก.ค. 2564  |  1928 จำนวนผู้เข้าชม  | 

คาถาปลุกก่อนพกพาวัตถุ จำเป็นแค่ไหน?

ว่าถึงคาถาปลุก........

คาถาต่างๆที่ท่องกำกับวัตถุก่อนพกพา คนมักเข้าใจกันไปว่า เป็นคาถาปลุกเรื่องราง.... ซึ่งความจริงก็ใช่

แต่เป็นเพียงแค่ส่วนเดียว เพราะเจตนาของคาถาปลุกทั้งหลายนั้น เจตหลักๆ มันคือปลุกตัวผผู้ใช้

มากกว่าจะปลุกเครื่องราง

เพราะเครื่องรางนั้นปลุกเสกมาอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องไปปลุกใดๆต่อให้มันมากมาย

แค่สะกิดนิดเดียวก็ตื่นแล้ว สำคัญคือการอาราธนาคุณพระ คุณมนต์ แรงครู แรงคาถาทั้งหลาย

เพราะถือเป็นของสูง ที่ต้องเชิญต้องบอกกล่าว เป็นการแสดงออกว่าเราเคารพ ให้คุณค่าในสิ่งเหล่านั้น

เมื่อใจน้อมไปทางศรัทธาแล้ว การที่จะเชื่อมมนต์ทั้งหลายให้เป็นกระแสหนึ่งเดียวกับเรามันก็ง่ายยิ่งขึ้น

คนสมัยนี้มักจะมีปัญหาเกลียดตัวเองโดยไม่รู้ตัว

คนที่เกลียดตัวเองโดยไม่รู้ตัว จะแสดงออกมาสองอย่างคือ

๑.หาเรื่องวิจารณ์ นินทาคนอื่น ด่าว่าสิ่งโน้น สิ่งนี้ไปทั่ว มีปัญหากับทุกสิ่ง อาหารไม่อร่อย หนังไม่สนุก ฯลฯ

๒.กับอีกอย่างคือ โทษตัวเองไปเสียทุกเรื่อง คิดว่าตัวเองไม่ดีพอ อะไรทำนองนี้

ทั้งสองแบบล้วนมาจากพลังงานด้านลบที่มีอยู่เต็มตัว แบบแรกนั้นมันรู้สึกเต็มจนล้น จนต้องหาทางปล่อยออกมา

เพื่อไม่ให้ตัวเองรู้สึกแย่ เมื่อได้บ่นออกไปแล้วจะรู้สึกดี ส่วนแบบที่สองก็เต็มไปด้วยพลังลบเช่นกัน เพียงแค่เปลี่ยน

จากปล่อยออกเป็นดึงเข้ามาสะสมไว้ ซึ่งแบบหลังจะน่ากลัวกว่าตรงที่เมื่อระเบิดออกมา จะกลายเป็นเหตุการณ์

รุนแรง ถ้าไม่ทำร้ายตัวเองก็จะทำร้ายผู้อื่น เป็นปัญหาที่พบเจอกันได้ทั่วไปในสังคมสมัยนึ้

ทางแก้ง่ายๆของคนเกลียดตัวเอง ก็คือหัดชมตัวเองซะบ้าง หาข้อดีของตัวเอง หาเหตุผลที่จะรักตัวเอง ให้กำลังใจ

ตัวเอง ซึ่งทั้งหมดที่ว่ามามันอยู่ในคาถาปลุกเครื่องรางทั้งหลายนั่นล่ะครับ

ยกตัวอย่างให้หนึ่งบท

"นะชื่น โมชม พุทเป็นมหานิยมทั่วไปแก่คนทั้งเมือง ธาลือเลื่อง ยะประเสริฐเลิศไกร นะจับจิต โมจับใจ พุทรักใคร่ ธา

เอ็นดู ยะบุรุษ มนุษย์ หญิงชายทั้งหลาย เอ็นดูและรักกู มุทุจิตตัง เอหิ"

หรืออีกบท

"โอม ศรีๆ ราศีกูงามคือฟ้า หน้ากูงามคือพระแมน แขนกูงามคือพระนารายณ์ ฉายกูงามคือพระจันทร์ หนุ่มๆสาวๆ

ทั้งเทวดาบนสวรรค์ เห็นหน้ากู ก็ปรีเปรมไปทุกถ้วนหน้า ด้วยกูเป็นดั่งพญาไกรสรราชสีห์ ใครเห็นใครทัก ใครเห็นใคร

ชม ด้วยเดชเดชะแห่งพระบารมี แห่งพระพุทธเจ้า ให้กูเป็นเอกกว่าคนทั้งหลาย เอหิจิตตัง ปิยังมะมะ"

อ่านดูแล้วพิจารณาก็จะเห็นได้ว่า ไม่ต่างจากคำให้กำลังใจ และชื่นชมตัวเอง ตามหนังสือจิตวิทยาในปัจจุบันเลย

เพียงแค่คนส่วนใหญ่สมัยนี้ มักจะไม่ค่อยกล้าท่องคาถาปลุกตัวกัน บางคนก็ขวยเชินในการที่จะท่อง เพราะมันมาจาก

ความรู้สึกเกลียดตัวเองลึกๆ คิดว่าตัวเราเองไม่สมควรจะได้รับอะไรแบบทึ่คาถากล่าวมา จึงท่องมันไปงั้นๆเอง ซึ่ง

ความรู้สึกแบบนี้มันจะเป็นตัวขวาง เป็นพลังงานมาครอบตัวเราเองไว้ ไม่ให้วัตถุเครื่องราง แรงคาถาใดๆทั้งหลาย

เข้ามาเกื้อหนุนอะไรเราได้

ไสยศาสตร์ ไสยเวทย์อาคม มันคือจิตวิทยาโบราณ ที่ใช้ปลุกกำลังใจของตัวเรา ให้ความหดหู่ ห่อเหี่ยวใจทั้งหลาย

มลายสิ้นไป มนุษย์เราต่อให้เก่งแค่ไหน ถ้าขาดกำลังใจ ก็ทำอะไรสำเร็จไม่ได้ ไม่มีใครชม ไม่มีใครยอมรับ ก็ขมตัวเอง

หาข้อดีของตัวเอง สร้างความมั่นใจให้ตัวเอง ถ้าแม้แต่ตัวเราเองยังไม่เขื่อมั่นคัวเรา หาข้อดีของตัวเราไม่เจอ ใครจะ

มาเชื่อมั่น จะมาสนใจ มาชื่นชม จริงมั้ยครับ


                                                    สำนักฤษเวทย์

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้