อวิชชา = ไสยศาตร์มนต์ดำ?

Last updated: 3 ก.ค. 2564  |  1568 จำนวนผู้เข้าชม  | 

อวิชชา = ไสยศาตร์มนต์ดำ?

ความไม่รู้ คือการทำให้หลงผิด และมีคนเล่นของหลายๆคน ที่หลงผิดด้วยเพราะเหตุแห่งความไม่รู้

ง่ายๆคือคำว่า "อวิชชา" คำนี้เข้าใจกันผิดกันไปว่า หมายถึงมนต์ดำ บางคนเรียกกันไปว่าเดรัจฉานวิชาก็มี เหมารวมทุกวิชาที่ไม่ได้เป็นทางไปสู่นิพพาน ว่าเป็นเดรัจฉานวิชาทั้งหมด

"เดรัจฉาน" แปลตามตัวว่าขวาง ในความหมายปัจจุบันใช้เรียกสัตว์ที่เดินทางขวาง ว่าสัตว์เดรัจฉาน
ดังนั้นพวกที่ขวางโลก คอยทำอะไรขัดขวางคนอื่นๆอยู่ประจำๆ บางครั้งก็เลยโดนด่าว่า "เดรัจฉาน" เลยในความหมายปัจจุบัน เป็นคำด่าที่ค่อนข้างแรง

"เดรัจฉานวิชา" และ "อวิชชา" ความหมายต่างๆกันอย่างสิ้นเชิง "อวิชชา" เป็นสิ่งที่ตรงข้ามกับ "วิชชา"
มีทั้งสิ้น ๘ ประการ "วิชชา" เป็นความรู้ การฝึกตน
สิ่งที่พระพุทธองค์ท่านสอน และครอบวิชาอื่นๆไว้เกือบจะทั้งหมด

วิชชา ๘ ประการได้แก่
๑.วิปัสสนาญาณ
๒.มโนมยิทธิ
๓.อิทธิวิธิ
๔.ทิพยโสต
๕.เจโตปริยญาณ
๖.ปุพเพนิวาสานุสติญาณ
๗.ทิพยจักษุ
๘.อาสวักขยญาณ

ซึ่งผู้จะสำเร็จอรหันต์ได้ ต้องผ่านและสำเร็จวิชชาทั้ง ๘ ประการนี้ได้เสียก่อน มิเช่นนั้นก็เป็นแค่ความเพ้อฝัน ดังนั้นอย่าได้ดูถูกว่านิพพานนั้นเป็นของง่าย อย่าได้เอะอะๆ ก็เที่ยวไปเอ่ยว่าปรารถนาจะไปนิพพาน เพราะนอกจากจะเป็นการดูถูกนิพพานแล้ว ยังดูถูกวิชชาแปดประการ คำสอนแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่าเป็นของง่ายอีกด้วย คนจะมีคุณสมบัติอธิษฐานขอให้ถึงพระนิพพานได้ อย่างน้อยๆต้องสำเร็จวิชชา ๘ ประการ อย่างน้อยๆต้องข้อแรกให้ได้เสียก่อน เพราะไม่เช่นนั้นเทวดาได้ยินเข้าจะมีแต่ เบ้ปาก เบือนหน้าหนี เพราะความโอหัง

ส่วนอวิชขา ตรงข้ามกับวิชชา ก็มี ๘ ประการเช่นกัน
๑.ไม่รู้จักทุกข์
๒.ไม่รู้จักเหตุที่เกิดทุกข์
๓.ไม่รู้จักวิธีดับทุกข์
๔.ไม่รู้จักหนทางที่จะดับทุกข์
๕.ไม่รู้จักอดีต
๖.ไม่รู้จักอนาคต
๗.ไม่รู้ทั้งอดีตและอนาคต
๘.ไม่รู้จักกำหนดสภาวะความมีเหตุผล ว่าทุกๆผลต้องเกิดจากเหตุ ไม่มีเหตุย่อมไม่มีผล

แน่นอนว่าไสยเวทย์ อาคม วิชาทางกระทำย่ำยีนั้นเป็นอวิชชาประการนึง ซึ่งอวิชขานี้ ไม่ใช่ไสยศาสตร์มนต์ดำ แบบที่เข้าใจกัน แต่คือเอาความประสงค์แห่งตัณหาตัวเองเป็นหลัก ต้องการได้มา ต้องการให้ผู้อื่นนั้นตอบสนอง หรือบางทีแม้จะรู้ทั้งรู้ ว่าความปรารถนาของตัวเองนั้น ไม่ใช่สิ่งที่จะมาบำบัดทุกข์ แต่เป็นเพื่อบำรุง บำเรอสิ่งที่คิดว่าจะทำให้ตัวเองสุขได้ แม้จะรู้ทั้งรู้ว่าเป็นชั่วคราว แต่ก็ยังคงที่จะอยู่กับมัน.......ซึ่งความรัก ความปรารถนาให้ใครซักคน มามอบความรักให้กับเรามันก็เป็นเข่นนี้ เป็นตัณหา อวิชชาอย่างนึง ดังคำว่าความรักทำให้คนตาบอด

แต่แน่นอน การที่เราจะไปบอกให้คนที่ขาดแคลน ท้องหิว ไม่มีข้าวกินว่า อย่าไปกินเลย เดี๋ยวกินแล้วก็ขี้ออก ต้องหิวใหม่ หรือบางครั้งอาจจะแน่นท้อง ปวดท้อง ไม่เห็นจะมีอะไรดี ซึ่งมันไม่มีประโยชน์อะไรนอกจากจะให้เขารับรู้และเผชิญด้วยตัวเอง ได้รู้เองว่า ทุกข์จากความรัก ทุกข์จากชีวิตคู่มันเป็นแบบไหน เมื่อสัมผัสด้วยตัวเองแล้ว ก็อาจจะทำให้ไม่ต้องโหยหามันอีก เวทย์มนต์ไสยศาสตร์มีไว้เพื่อตอนสนองสิ่งนี้

ส่วนใครจะจมไปกับตัณหา หรือใครจะหลุดพ้นจากตัณหา มันก็เป็นความรับผิดชอบของคนผู้นั้น สุดแท้แต่ว่าเขาจะเลือกแบบไหน เพราะคนแบบเราๆนั้น เป็นผู้ที่ทำของเพื่อสนองคนที่ยังต้องการโลกียะ หาได้ทำเพื่อตอบสนองคนค้นหาหนทางแห่ง โลกุตตระ

ส่วนใครที่ปรารถนาหนทางแห่งนิพพาน ถ้าคุณอ่านบทความนี้อยู่ บอกได้แค่ว่าตอนนี้คุณหลงทางแล้ว
เชิญเลี้ยวกลับและมองหาทางใหม่ และอย่ามาถามผมว่าไปทางไหน รวมไปถึงไม่ต้องมาสั่งสอน หรือบอกว่าคนแบบผมนั้นหลงทางห่าเหวอะไร เพราะผมรู้อยู่เต็มอก ว่าทางที่ผมกำลังอยู่นี้ มันไม่ใช่ทางไปนิพพานแต่แรก เพราะด้วยรู้ดี ว่านิพพานนั้นเป็นของสูง และชาตินี้หรืออีกหลายๆชาติ ผมก็ยังไม่ปรารถนาพระนิพพาน เพราะได้ปาวารณาไว้แล้ว ว่าจะอยู่รอบางสิ่ง ทำหน้าที่บางอย่าง วาสนามาถึงได้เวลาเมื่อไหร่ ถึงตอนนั้นก็ค่อยว่าอีกที แต่ก็ขอให้ท่าน รักษาใจของท่านไว้ อย่าให้ได้มาเจอกับผมในนรก เพราะเมื่อตอนนั้นท่านคงโดนผมล้อหนักแน่ๆ

อวิชชาจงมาบังเกิด..........หนึ่งในมนต์พญามาร
ที่บันทึกกล่าวไว้ว่า ใครใช้ขาลงนรกไปแล้วข้างนึง
ดังนั้นไม่ต้องเสียเวลาสาปแช่งใดๆผม และไม่ต้องมาถามหาคุณธรรมความดีอะไร เพราะปลายทางผมจะอยู่ที่ไหน ผมรู้ดีโดยที่ไม่ต้องให้ใครมาบอก และถ้ามันต้องลงนรก โดยที่ก่อนจะไป ผมได้ส่งให้ใครต่อใคร ให้ได้ขึ้นสวรรค์ทั้งเป็น ผมก็ถือว่าการต้องลงนรกของผมมันคุ้มค่าแล้ว

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้