Last updated: 18 พ.ค. 2564 | 1565 จำนวนผู้เข้าชม |
บทความวันนี้ เกี่ยวกับเรื่องคนเช่นของไม่ขึ้น
ใช้อะไรก็ไม่เกิดผล
มีบางคนที่เล่นของไม่ขึ้น ใช้อะไรก็ไม่เกิดผล
แม้พยายามจะหาวิธีต่างๆมากมาย เปลี่ยนเครื่องรางหลายสำนักก็แล้ว ก็ยังไม่เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงอะไร ไม่เจอประสบการณ์ใดๆกับเขาซักที
นั่นก็เพราะว่าเอาแต่โทษเหตุปัจจัยภายนอก ไม่พิจารณาหาว่าสุดท้ายจริงๆมันมาจากสาเหตุภายใน
นั่นก็คือตัวเราเอง......
สำหรับคนที่จะใช้วัตถุเครื่องรางทางเสน่ห์ให้เกิดผล ต้องมีคุณสมบัติสามอย่างคือ
๑.ยามพูดคุยกับใครๆก็ตาม ต้องกล้าสบตา มองตากับคู่สนทนา ไม่หลุกหลิกหลบตา คนที่มีลักษณะดังกล่าว เหตุหลักๆเพราะว่าประหม่า ไม่มั่นใจ หรือภาษาทางคนเรียนอาคม เขาว่า"กำลังจิตมีน้อย" จึงโดนคู่สนทนาข่ม ทำให้มนต์ต่างๆ ไม่มีผลโน้นน้าวคู่ที่เราสนทนาด้วย เหตุเพราะกระแสกำลังจิตของเราโดนเขาข่มอยู่ การสบตาจ้องตาคู่สนทนาสำคัญอย่างยิ่ง สำหรับการส่งมนต์เบื้องต้น สำหรับคนเรียนวิชาเสน่ห์นั้นรู้กันดี วิชาและคาถาแรกๆที่ครูบาอาจารย์ท่านให้ฝึก ก็คือมนต์ประสบเนตร บรรดาลิเกสมัยโบราณทั้งหลาย มีแม่ยกมากมาย สาวๆมามอบสมบัติเงินทอง มอบใจทอดกายให้ ไปลองหาอ่านประวัติและเรื่องราวดู ก็จะทราบว่า ท่านเหล่านั้นล้วนสำเร็จมนต์ประสบเนตรทั้งสิ้น บางท่านก็ใช้บทเดียวด้วยซ้ำ
๒.ไม่กล้าทักทาย หรือเริ่มต้นสนทนากับใครก่อน เป็นเหตุผลเช่นเดียวกับข้อแรก เมื่อไม่กล้าเริ่มบทสนทนาทักทายกับใครก่อน ก็หมายถึงไม่กล้าส่งกระแสพลังจิตและความปรารถนาของตัวเองไป สำหรับคนที่เพ้อฝัน อยู่ๆมีคนมาทักทาย มีคนมาขอมีอะไรด้วย เชื่อมั่นว่าบนโลกนี้มีเครื่องรางที่จะตอบสนองจินตนาการของคุณได้ ก็ขออวยพรให้ใชคดี คงจะมีซักวันนึงที่คุณจะหาวัตถุว่านั้นเจอ
๓.ไม่กล้าพูดคุยกับตัวเอง อันนี้ต้องแยกให้ออกระหว่างคนบ้าที่พูดอะไรเพ้อเจ้อ กับคนที่ปลุกปลอบกำลังขวัญของตัวเองนะครับ สิ่งนี้แม้กระทั่งตำราจิตวิทยาของฝรั่ง ถือเป็นสิ่งที่ต้องปฎิบัติ สำหรับคนที่อยากจะพัฒนาบุคคลิกภาพ จะเรียกว่าเป็นหลักสูตรข้อบังคับเลยก็ว่าได้ ส่วนของคนโบราณของเรานั้น ทำกันมานานแล้ว นั่นก็คือคาถาปลุกตัวทั้งหลายนั่นล่ะครับ ใครไม่รู้บทไหนก็ให้ใช้คาถา
"ขุนแผนชมตลาด" คาถาตลาดๆหาได้ดาษดื่น แต่ถ้าหากใช้เป็นและเชื่อมั่นพอ คาถาบทนี้ก็มีอานุภาพขนาดสะกดคนทั้งตลาดได้ ไม่แน่จริงคาถาบทนี้คงยังไม่มีคนใช้อยู่จนปัจจุบัน ใครอยากได้คาถาบทนี้หาง่ายๆจากในกูเกิล
ความเชื่อผิดๆอย่างนึง พวกคาถาหายากๆทั้งหลาย บางครั้งก็เพราะว่าใช้ไม่ค่อยเกิดผลอะไร เมื่อไม่เกิดผลก็เสื่อมความนิยม แล้วก็ค่อยๆสูญหายไป เปรียบเหมือนเพลงที่เพราะๆคนก็ยังนิยมฟังอยู่จนถึงปัจจุบัน ส่วนเพลงที่ไม่เพราะคนก็ไม่ค่อยนิยมกัน
อธิบานเพิ่มเติมก่อนจะมีคนเข้าใจผิดไปไกลก่อนว่าอันนี้ผมไม่ได้หมายถึงว่า คาถาโบราณที่หายากสูญหายไปจะไม่ดีทั้งหมดนะครับแต่สำหรับเรื่องคาถาจะมีรายละเอียดปลีกย่อยต่างออกไปอีกหลายเหตุผล หลักๆเหตุมาจากครูบาอาจารย์ผู้รจนาคาถานั้น ท่านแต่งไว้เป็น "มุขปาฐะ" คือสำหรับบอกปากเปล่า ใช้กันในหมู่ลูกศิษย์หรือผู้สืบสายเลือด แต่เมื่อทายาทของท่านเสียชีวิตไป หรือบางครั้งบันทึกตำราหลุดออกมา คนภายนอกจะเอาไปใช้ ก็ได้แค่ตัวคาถาที่เป็นเนื้อมนต์ แต่ไม่ได้แรงครู แรงคาถาไปด้วย จึงไม่เกิดผลอะไร เพราะคาถาต่างๆนั้นสำเร็จได้ด้วยแรงครู เมื่อครูท่านไม่ได้เจตนาให้คนภายนอก ที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องสายวิชาของท่านใช้ ดังนั้นการจะใข้คาถาไม่เกิดผลใดๆก็ไม่แปลก
สำหรับคนที่เล่นของไม่เกิดผล ก็พิจารณาสำรวจตัวเราเองถึงสามข้อนี้กัน ว่าเป็นดังนี้หรือไม่ หากเป็นดังนี้ ก็หาทางปรับปรุงแก้ไข เพราะไม่เช่นนั้น จะเปลี่ยนเครื่องรางกี่สำนัก ผลก็เป็นเช่นเดิม เพราะเปรียบเสมือนปัญหานั้นอยู่ทึ่ดิน ไม่ใช่เมล็ดพันธุ์
ดินที่ไม่ดีปลูกอะไรก็ไม่ขึ้น วิธีแก้ไขคือปรับปรุงสภาพดิน ไม่ใช่เปลี่ยนเมล็ดครับ
ส่วนใครที่ไม่ได้ตรงกับสามข้อที่กล่าวมา ก็ข้ามไปที่ปัญหา อาถรรพ์วิชาหรือคำสาปใดๆกินต้ว จะเพราะจากชาตินี้หรือชาติก่อนๆนี้ ส่วนนี้การแก้ไขจะต่างออกไป มีเวลาค่อยมาสาธยาย เพราะว่าเนื้อหารายละเอียดค่อนข้างยาวพอสมควร ไว้ว่ากันเมิ่อผมว่างครับ
3 ก.ค. 2564
29 มิ.ย. 2565
26 ม.ค. 2566
26 ม.ค. 2566