ความหมายแท้จริงของ "๑๐๘" ที่น้อยคนจะรู้

Last updated: 5 ก.พ. 2564  |  1489 จำนวนผู้เข้าชม  | 

ความหมายแท้จริงของ "๑๐๘" ที่น้อยคนจะรู้

เหตุแห่ง ๑๐๘ ของทางไสยเวทย์คาถาอาคม ทำไมถึงต้องเป็นสวดให้ได้ ๑๐๘ จบ

เสกให้ได้ ๑๐๘ คาบ  เหตุมาจากดังนี้ครับ


ตามความเชื่อของทางไสยเวทย์คาถาอาคม เชื่อกันว่าจักรวาลนี้อุบัติขึ้น

ด้วยการแตกตัวของพลังแห่งพระเป็นเจ้า ณ ห้วงจักรวาล แล้วแตกออกมาเป็นเป็นธาตุ ๔ กอง

อันตามที่รู้จักกันดี ไฟ ดิน ลม น้ำ

ในบรรดาธาตุทั้ง ๔

ธาตุน้ำ ไปตกอยู่ที่ทิศใต้ ส่งพลังพุ่งกระแสไปทางทิศเหนือ

ธาตุลม ไปตกอยู่ที่ทิศตะวันออกเฉียงใต้ ส่งกระแสพลังพุ่งไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ

ธาตุดิน ไปตกอยู่ทิศตะวันออก ส่งกระแสพลังพุ่งไปทางทิศตะวันตก

ธาตุไฟ ไปตกอยู่ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ส่งกระแสพลังพุ่งไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้


เมื่อเกิดเป็นพลังขึ้นมาแล้วจึงได้มีเทวดา ไปทำหน้าที่เป็นผู้รักษา

หรือที่เรียกกันอีกอย่างว่าเทวดาผู้ครองธาตุทั้ง ๔ ธาตุละ ๒ องค์

แต่เมื่อไปรักษาครองธาตุทั้ง ๔ ที่แตกออกไป ก็กลายเป็นว่ารักษาเพียงธาตุแค่ต้นทางเท่านั้น

พลังจากธาตุต้นทางจะพุ่งผ่านจักรวาลออกไป ไม่มีสิ่งใดมารองรับ

เหล่าเทวดาต้องการรักษาพลังแห่งพระเป็นเจ้าไว้ ไม่ต้องการให้พลังพุ่งหายไป

จึงได้ให้แยกเทวดาผู้ครองธาตุทั้ง ๔ ออกเป็น ๘ องค์

ส่งไปรับกระแสพลังที่ปลายทางไว้ เมื่อรับพลังสะท้อนส่งกลับไปกลับมา

ก็ได้กลายมาเป็นกระแสพลังหล่อเลี้ยงโลก และมีชีวิตทั้งหลายต่อมา อันเป็นการอุบัติต่อมาของโลกนี้


ภายหลังจึงได้เรียกเทวดาทั้ง ๘ ที่รักษาทิศต่างๆต่อมาเป็น พระเคราะห์ทั้ง ๘ อันได้แก่

พระอาทิตย์ พระเสาร์ แต่ดั้งเดิมคือ ผู้รักษาธาตุไฟ

พระจันทร พระพฤหัส แต่ดั้งเดิมคือ ผู้รักษาธาตุดิน

พระอังคาร พระราหู แต่ดั้งเดิมคือ ผู้รักษาธาตุลม

พระพุธและพระศุกร์ แต่ดั้งเดิมคือ ผู้รักษาธาตุน้ำ

เรียกรวมๆว่าเทวดาอัฐเคราะห์....

แล้วเทวดานพเคราห์มาจากไหน ?

องค์ที่ ๙ เรียกว่า พระเกตุหรือดาวมฤตยู แทนจักรวาลที่ว่างเปล่า คงแทนกำลัง ๐ (สูญ)

และแยกเอาเป็นกำลัง

อาทิตย์ ๖

เสาร์ ๑๐

จันทร์ ๑๕

พฤหัสบดี ๑๙

อังคาร ๘

ราหู ๑๒

พุธ ๑๗

ศุกร์ ๒๑

รวมกันแล้วเป็น ๑๐๘  ซึ่งถือเอาเป็นกำลังทุกอย่างในโลกนี้

ในการจะปลุกเสกวัตถุใดๆ ต้องการให้มีกำลังอย่างเต็มที่จึงมักจะยึดเอา ๑๐๘ ก็ด้วยประการนี้


นอกจากนี้ นะมะพะทะ ธาตุทั้ง ๔ ทางไสยเวทย์ไทยยังยึดโยงเอากับความเชื่อ

เรื่อง พระพุทธเจ้าในภัทรกัปป์นี้ทั้ง ๕ พระองค์ ๔ พระองค์บังเกิดมาแล้ว

อันได้แก่

นะ คือธาตุ น้ำ แทน นะ คือพระ กกกุสันโธ

มะ คือธาตุ ดิน แทน โม คือพระโกนาคมโน

พะ คือธาตุ ไฟ แทน พุท แทนพระกัสสโป

ทะ คือธาตุ ลม แทน ธา คือพระโคตโม หรือพระโคดม

ส่วนธาตุที่ ๕ ถือเอาว่าแทนพระศรีอาริยเมตตรัย

แทนด้วย ยะ ถือว่าท่านยังไม่อุบัติขึ้น ถือเอาเป็นอากาศธาตุ

จึงมีบางคติ บางสายวิชา ที่ใช้เพียงแค่ นะโมพุทธา ก็มีเช่นกัน


คติทางไสยเวทย์ การใช้เวทย์มนต์ คาถาอาคมใดๆ เมื่อต้องการจะทำอะไรให้เกิดพลังอย่างเต็มที่

จึงได้ถือเอาว่าให้เต็ม ๑๐๘ จึงจะทรงประสิทธิผลสมความตั้งใจ

ชักประคำ ๑๐๘ ปลุกเสก ๑๐๘ คาบ เป่ามนต์ ๑๐๘ จบ

ก็เพื่อให้ถือว่าครบกำลังทั้งหลายในโลกนี้แล้ว


ดังนั้นคำว่า ๑๐๘ ก็ไม่ใช่ความหมายเพียงแค่จำนวน ๑๐๘


แต่คือการสมมุติแทนทุกๆสิ่ง ทุกๆอย่างมากมายทั้งหมดในจักรวาลนี้

หรือจะแทนคำว่าเกินกว่าจะพรรณนาและอธิบายได้หมด

เคยเจอบางคนพยายามจะไล่หารายนามฤาษีทั้ง ๑๐๘ องค์.......

ซึ่งพอพยายามหา ก็จะพบว่าเกิน ๑๐๘ ไปมากมายก็กลายเป็นความงุนงงสงสัย

ไม่เข้าใจถึงความหมาย ๑๐๘ ก็เที่ยวไปบอกว่าฤาษีองค์นั้นองค์นี้ไม่ใช่ของจริง ไม่มีจริง

ของจริงต้องมีอยู่ในรายนาม ๑๐๘ เท่านั้น ว่ากันไปโน่นก็มี


ดังนั้นแล้วทำความเข้าใจกันใหม่ครับ เพราะไสยศาสตร์ไม่ใช่ศาสตร์ของคนโง่

แต่มันลึกล้ำเสียจนคนยุคปัจจุบันเข้ากันไม่ถึง

เมื่อไม่เข้าใจ ก็เหมารวมว่าไม่มีจริง เป็นความงมงายมืดบอดไร้ปัญญาของคนสมัยเก่า

ซึ่งความจริงแล้วพวกมึงนั่นล่ะครับที่โง่เขลา เบาปัญญา ศึกษาอะไรก็ไม่แตกฉาน ไม่เข้าใจ

แล้วก็ใช้ชีวิตแบบเลื่อนลอยตามๆกันไป

ที่เขียนมาทั้งหมดวันนี้ หลายๆคนน่าจะเข้าใจถึงความหมายที่แท้จริงของ “๑๐๘” กันอย่างถ่องแท้ซะทีนะครับ

                                                   

                                                       สำนักฤษเวทย์ ไสยเวทย์วิทยาและมนตราอีสาน
                                                                    ญาณวุฒิ ญาณวุฒิเทวัญ
                                                                     สมิงมนตรามหาเสน่ห์

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้