Last updated: 1 ธ.ค. 2563 | 1697 จำนวนผู้เข้าชม |
วิชาจำพวก"เมตตา" แต่โบราณถือว่าเป็นยอดแห่งวิชา เป็นที่ปรารถนามากกว่าวิชาเสน่ห์(กามคุณ)ทั้งหลาย
เหตุเพราะวิชาทางเมตตานั้นจำเป็นอย่างยิ่งในยุคโบราณ ที่ขุนนางท้าวพระยาทั้งหลายนั้น มีอำนาจมาก
ประหารไพร่ทาส บริวารได้โดยไม่มีความผิด ต่อให้ประหารด้วยเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนก็ตาม
เรียกได้ว่าเป็นเจ้านาย ก็ไม่ต่างจากเป็นเจ้าชีวิตเลย
วิชาจำพวกเมตตาแต่โบราณที่สืบกันมา จึงมักจะว่าถึงอิทธิคุณของคาถานั้นว่า "หมั่นภาวนาไว้ โทษถึงตายแค่ไหนก็อย่าได้กลัวเลย"
ด้วยวิชาทางเมตตา ทำให้หัวยังตั้งอยู่บนบ่า มีชีวิตอยู่ต่อไปได้ คนโบราณจึงถือเป็นยอดวิชา นิยมร่ำเรียนติดตัวกันไว้ใช้ประจำ
บริกรรมภาวนา มากกว่าวิชาทางเสน่ห์แบบกามคุณ ที่เน้นให้ผลเพียงทางชู้สาว ซึ่งแต่โบราณไม่ค่อยได้มีความจำเป็นใช้เท่าใดนัก
เพราะค่านิยมการ" จีบสาว" หรือเกี้ยวพาราสี เพิ่งจะมามีในยุคหลังๆ
สมัยโน้นใช้วิธี"ฉุด" เป็นหลัก พวกคาถาจำพวกจับมือมิร้อง ย่องขึ้นบ้านไม่รู้ตัว ก็มาจากวิถีชีวิตผู้คนในช่วงเวลานั้น
ส่วนในยุคปัจจุบัน เรื่องโทษเจ้านายลงโทษถึงตาย เสียชีวิตนั้นไม่มีอีกแล้ว วิชาทางเมตตาเลยถูกมองลดความสำคัญลงไป
วิชาเสน่ห์ต่างๆได้รีบความนิยมมากกว่า แต่จริงๆแล้วถ้าใช้กันถึง ใข้กันเป็นแล้ว วิชาทางเมตตาใช้ในทางจีบสาว
ขอความรักได้ดีกว่าทางกามคุณ หากต้องการจะได้คนรักแบบคู่ชีวิต ตามคำว่า "เมตตา เป็นบ่อเกิดแห่งความรักและผูกพันทั้งหลาย"
ต่างจากกามคุณที่ต้องการเพียงแค่ปลดเปลื้องกามารมณ์เท่านั้น จบกิจแล้วก็ผ่านไป
หาคนถูกใจใหม่ๆที่จะมาปลดเปลื้องต่อไป ซึ่งสายบันเทิงทั้งหลายที่ปรารถนากืคือแบบนี้
เมตตา คำที่ฟังดูพื้นๆ แต่อานิสงค์แห่งความเมตตานั้นมากมายมหาศาลนัก
โลกดำรงค์อยู่ได้ ไม่โหดร้ายต่อกันมากเกินไปก็ด้วยความเมตตา คำว่า
"เมตตาธรรม ค้ำจุนโลก" จึงไม่ได้เกินความจริงแต่อย่างใด
จิตที่เป็นเมตตา จะนำพาให้ชีวิตเจอแต่ความสุข
อยากเล่นของใข้วัตถุ ทางเมตตา ทางเสน่ห์เห็นผลแบบชัดๆ หมั่นเจริญเมตตากันไว้ครับ
13 ก.ย. 2566
2 เม.ย 2566
1 ส.ค. 2566
27 เม.ย 2566