Last updated: 20 เม.ย 2563 | 7348 จำนวนผู้เข้าชม |
ว่ากันถึงวิชาธรรมบรรลุ มีหลายๆคนสนใจสอบถามเรื่องการร่ำเรียนและรับการถ่ายทอดวิชานี้ ซี่งบางคนเองก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคือวิชาอะไร และก็มีบางคนที่
เข้าใจผิดๆไปอยู่มาก เพราะวิชานี้มีรายละเอียดให้ศึกษาน้อยเหลือเกิน
“วิชาธรรมบรรลุ”นี้ ความเข้าใจผิดๆของหลายๆคนคือ คิดว่าเป็นวิชาที่เพียงแค่ได้เรียนแล้ว ก็สามารถจะสำเร็จเป็นผู้วิเศษได้แบบไม่ยาก เพียงแค่เรียนก็
สามารถได้หูทิพย์ ตาทิพย์ ใช้เวทย์มนต์คาถาอาคมได้ ฯลฯ ตามแต่จะเข้าใจกันไป ซึ่งถามว่าได้ความสามารถตามคำร่ำลือหรือไม่ ? คำตอบก็คือได้ เพียง
แต่.........มันไม่ได้ง่ายๆแบบที่คุณๆทั้งหลายคิดกัน
สาธยายให้ฟังก่อนถึงที่มาของวิชานี้ วิชานี้เชื่อกันมาว่าสืบทอดมาจากฝั่งลาว หลายชั่วอายุคนมาแล้ว บ้างว่ามาจากพระธุดงค์ บ้างก็ว่ามาจากฤาษีลึกลับ
ในป่า (เชื่อว่าฤาษีตาไฟ ซึ่งเป็นคนละองค์กับฤาษีตาไฟที่รู้จักกันในปัจจุบันนี้ ) ปัจจุบันได้แตกสายแยกออกไป และเรียกต่างๆกันออกไป เท่าที่ผมพอจะ
ทราบก็อาทิ ธรรมฤาษี, ธรรมบรรลุ, ธรรม ๙ โกฎิ, ธรรมห้องพระไตรสรณคม, ธรรมบันดาล ฯลฯ ที่เอ่ยมานี้ก็คือมีการถ่ายทอดกันอยู่
และสายที่สูญหายไปแล้ว เช่น ธรรมหยาดแก้วฟ้าหยาดมณียม ซึ่งไม่มีผู้สืบทอด แม้ชื่อจะต่างกัน รายละเอียดบางอย่างก็ต่างกัน ตามแต่ว่าครูบาอาจารย์
ธรรมใหญ่ท่านจะกำหนดไว้แบบไหน แต่โดยรวมแล้วก็ไม่ต่างกันมากในจุดประสงค์และการปฎิบัติ คือผู้ร่ำเรียนจะต้องหมั่นเพียร สวดธรรม ปั่นธรรม
อาราธนาธรรม คารวะธรรม เพื่อเป็นการฝึกจิตใจและสมาธิของตัวเอง เพื่อให้เข้าถึงดวงแก้ว ดวงธรรม หรือว่ากันอีกอย่างคือ “สื่อกับครูธรรม” ให้ได้
อธิบายคร่าวๆพอสังเขปเพียงเท่านี้ก่อน
ความเข้าใจผิดๆเพราะคนส่วนใหญ่ที่อยากจะร่ำเรียน มักไปมองที่ผลสำเร็จของผู้ที่เรียนวิชา”ธรรมบรรลุ”เพียงอย่างเดียว ไม่ได้คิดไปถึงว่า ทุกๆสิ่งบนโลก
นี้ไม่มีอะไรได้มาง่ายดาย จริงอยู่ที่วิชานี้นั้น เป็นวิชาที่แรงและมีความวิเศษ แต่ก็ไม่ใช่ว่าผู้ร่ำเรียนจำสำเร็จได้เพียงแค่การเรียนและฝึกอย่างผิวเผิน แต่ต้อง
เคี่ยวกรำตัวเองอย่างหนัก ไม่ต่างจากวิชาคาถาอาคมอื่นๆแต่อย่างใด
เปรียบง่ายๆ วิชา”ธรรมบรรลุ”นี้ คือวิชากรรมฐานโบราณวิชานึง ซึ่งเป็นหนึ่งในกรรมฐาน ๔๐ กอง อยู่ในหมวด “อนุสสติกรรมฐาน ๑๐” ซึ่งเป็นอุบายและ
กลวิธีนึง ในการฝึกจิตและเหนี่ยวนำสมาธิให้มีกำลัง ซึ่งสำหรับผู้ฝึกกรรมฐานและฝึกกสิณแล้วรู้กันดีว่า หากฝึกจนเชี่ยวชาญในกสิณและกรรมฐานแล้ว
การจะสำเร็จอภิญญา ๕ ไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด
ทีนี้มาว่ากันถึงอภิญญาทั้ง ๕ มีอะไรบ้าง อธิบายกันให้เข้าใจพอสังเขปได้แก่
๑.อิทธิวิธิ แสดงฤทธิ์ได้ เช่น ใช้คาถาอาคม ฯลฯ
๒.ทิพพโสต มีหูทิพย์
๓.เจโตปริยญาณ กำหนดรู้ใจ อ่านใจผู้อื่นได้
๔.ปุพเพนิวาสานุสติญาณ ระลึกชาติได้
๕.ทิพพจักขุ มีตาทิพย์ เห็นสิ่งต่างๆได้
ซึ่งผู้เรียนธรรมบรรลุ หรือผู้เรียนกรรมฐาน หากสำเร็จในระดับนึงแล้วก็ทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ในอภิณญาทั้ง ๕ หรือบางท่านก็ที่ทำได้ทั้งมากกว่าหนึ่ง บางท่าน
สำเร็จมีวาสนามากก็ทำได้ทั้ง ๕ ก็มีเช่นกัน......
ดังนั้นแล้ว “ครูธรรมบรรลุ” ก็คือครูสอนกรรมฐาน แบบหนึ่งผู้เรียนธรรมบุลุ ก็คือผู้ฝึกกรรมฐาน แน่นอนว่าการจำสำเร็จได้นั้น ต้องใช้ความพยายามและระยะ
เวลา ผู้ที่สนใจเรียนวิชานี้จึงควรที่จะทราบตรงนี้ เพื่อจะได้ใม่ต้องเข้าใจผิดๆ เรียนไปแล้วยังไม่ใช้ความพยายามเคี่ยวกรำตัวเองใดๆ เรียนไปแล้วไม่ได้
อิทธิฤทธิ์ จะมาปรามาสวิชานี้กันเอาทีหลัง ว่าเรียนแล้วไม่เห็นได้ตามที่ได้ยินคนว่ามาเลย ดูท่าสงสัยจะไม่ดีจริง ไม่วิเศษจริงล่ะมั้ง.....
สำหรับผู้ที่อยากรู้ว่าต้องใช้ระยะเวลาประมาณไหนจึงจะพอสำเร็จเบื้องต้น ระดับที่สื่อกับครูธรรมได้ ที่เรียกว่า”ติดธรรม” สวดธรรมได้เป็นภาษา บอกให้
ทราบตรงนี้ว่า ระยะเวลาไม่แน่นอน ขึ้นอยู่กับความขยันหมั่นเพียรของท่าน บางคนใช้เวลา ๓ เดือน บางคนก็ใช้เวลา ๓ ปี และบางคนใช้เวลามากกว่า ๑๐ ปี
ก็ยังมี จึงทำให้ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา มีคนมาขอร่ำเรียนและถอดใจเลิกเรียน เลิกฝึกไปอย่างมากมาย ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร บางคนก็หลงทาง ไม่มีครู
ธรรมสอนชี้นำ บางคนก็หลงใหลที่ในภาษาธรรมแปลกๆ เพียงอย่างเดียว ไม่ได้อภิณญาอะไรก็มีเช่นกัน
ศึกษาและทำความเข้าใจกันให้อย่างถ่องแท้ ก่อนคิดจะร่ำเรียน โลกนี้ไม่มีความสำเร็จใดๆ ได้มาโดยไม่พยายาม รายละเอียดอื่นๆไว้มาว่ากันบทความหน้า
1 ม.ค. 2565
5 ต.ค. 2564